3.2 พันธะไอออนิก
พันธะไอออนิก ( Ionic bond ) หมายถึงแรงยึดเหนี่ยวที่เกิดในสารประกอบที่เกิดขึ้นระหว่าง
2
อะตอมอะตอมที่มีค่าอิเล็กโตรเนกาติวิตีต่างกันมาก
อะตอมที่มีค่าอิเลคโตรเนกาติวิตีน้อยจะให้อิเลคตรอนแก่อะตอมที่มีค่าอิเลคโตรเนกาติวิตีมาก
และทำให้อิเล็กตรอนที่อยู่รอบๆ อะตอมครบ 8 (octat rule ) กลายเป็นไอออนบวก
และไอออนลบตามลำดับ เกิดแรงดึงดูดทางไฟฟ้าระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ
และเกิดเป็นโมเลกุลขึ้น เช่น การเกิดสารประกอบ NaCl ดังภาพ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgClM-1WfDyiMC0cJDiWD1HKlOGhX55uip1EsPw4Qk-z9ya3O-WcWA3XwLFrn_1H6Yb-GfxmnzfMH4vk8ocjMmQUgtLhUMQKGgjf-Q77wS0wpERc7zOdRw6OOQtk2ZEYnLMcIE9c0uzAKDR/s320/3.gif)
จากตัวอย่าง Na ซึ่งมีวาเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ
1 ได้ให้อิเล็กตรอนแก่ Cl ที่มีวาเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ
7 จึงทำให้ Na และ
Cl มีวาเลนซ์อิเล็กตรอนเท่ากับ 8
เกิดเป็นสารประกอบไอออนิก
สมบัติของสารประกอบไอออนิก
1. มีขั้ว
เพราะสารประกอบไอออนิกไม่ได้เกิดขึ้นเป็นโมเลกุลเดี่ยว
แต่จะเป็นของแข็งซึ่งประกอบด้วยไอออนจำนวนมาก
ซึ่งยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงยึดเหนี่ยวทางไฟฟ้า
2. ไม่นำไฟฟ้าเมื่ออยู่ในสภาพของแข็ง
แต่จะนำไฟฟ้าได้เมื่อใส่สารประกอบไอออนิกลงในน้ำ ไอออนจะแยกออกจากกัน
ทำให้สารละลายนำไฟฟ้าในทำนองเดียวกันสารประกอบที่หลอมเหลวจะนำไฟฟ้าได้ด้วยเนื่องจากเมื่อหลอมเหลวไอออนจะเป็นอิสระจากกัน
เกิดการไหลเวียนอิเลคตรอนทำให้อิเลคตรอนเคลื่อนที่จึงเกิดการนำไฟฟ้า
3 . มีจุหลอมเหลวและจุดเดือดสูง
ความร้อนในการทำลายแรงดึงดูดระหว่างไอออนให้กลายเป็นของเหลวต้องใช้พลังงานสูง
4 . สารประกอบไอออนิกทำให้เกิดปฏิกิริยาไอออนิก คือ
ปฏิกิริยาระหว่างไอออนกับไอออน ทั้งนี้เพราะสารไอออนิกจะเป็นไอออนอิสระในสารละลาย
ปฏิกิริยาจึงเกิดทันที
5 . สมบัติไม่แสดงทิศทางของพันธะไอออนิก
สารประกอบไอออนิกเกิดจากไอออนที่มีประจุตรงกันข้ามรอบ ๆ
ไอออนแต่ละไอออนจะมีสนามไฟฟ้าซึ่งไม่มีทิศทาง จึงทำให้เกิดสมบัติไม่แสดงทิศทางของพันธะไอออนิก
6. เป็นผลึกแข็ง แต่เปราะและแตกง่าย
การอ่านชื่อสารประกอบไออนิก
กรณีเป็นสารประกอบธาตุคู่
ให้อ่านชื่อธาตุที่เป็นประจุบวก แล้วตามด้วยธาตุประจุลบ
โดยลงท้ายเสียงพยางค์ท้ายเป็น “ ไอด์” (ide) เช่น
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyeGuCI5wS2lgDYm_f5vtFdOQgfSoz-ZDTMRR1YBFGy78iwKkic2E68oW8nrIUxhTdJNKfnd6R2MLjYbFWg_sbKTxe89IiEoSOrXP4N65Rn3N8HSbK6sw6Wxtoqhq3y1kx0Y0rJhZGuwDG/s1600/33.gif)
กรณีเป็นสารประกอบธาตุมากกว่าสองชนิด
ให้อ่านชื่อธาตุที่เป็นประจุบวก แล้วตามด้วยกลุ่มธาตุที่เป็นประจุลบได้เลย เช่น
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi1ZTljdKAlScDYBzRQHTur4UV2OZ7CE3wyFtr06UM4P6h5yj4HIsxZPTNM_XvpVBh2RVbmZs2hPEIf5rBl7IBDr2aHWc2jUhjKGohPiAvHcdiEWO3A1Urtq-BgsRQ2RJlbtNa3cm4a0MIm/s1600/333.gif)
กรณีเป็นสารประกอบธาตุโลหะทรานซิชัน
ให้อ่านชื่อธาตุที่เป็นประจุบวกและจำนวนเลขออกซิเดชันหรือค่าประจุของธาตุเสียก่อน
โดยวงเล็บเป็นเลขโรมัน แล้วจึงตามด้วยธาตุประจุลบ เช่น
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglPJkFwwjnROfwxotKeGu-7e0ANYKRKhVadw5Ii2ApXY2HVjiD1BM04_pTJ0LB19sD4GrOdSoI-NPtlPbE3vm6JJctyL_6hTOonlyqCESjcXd_YouTAPVghCG60BjreAMi_oqkwh_buftt/s1600/3333.gif)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น